วันเสาร์, ตุลาคม 19, 2562


Automated storage/retrieval systems (as/rs) 
คือ ระบบบริหาร การจัดเก็บสินค้า เก็บวัตถุอัตโนมัติ
เหมาะกับบริษัทที่ต้องการลดการใช้งานพื้นที่ หรือต้องการ
เพิ่ม ปริมาณในการจัดเก็บมากขึ้น เช่น คลังสินค้า, โกดัง
สินค้า, อาคารจอดรถอัตโนมัต, ห้องเก็บสมุดอัตโนมัติ
เป็นต้น

ระบบ ASRS จะมีการทำงานควบคู่อัตโนมัติอย่างเป็นระบบอยู่ 2 ส่วน คือ ฮาร์ดแวร์ 

 ใช้เทคโนโลยีโรบอทอัตโนมัติกับซอร์ฟแวร์ที่ 
สามารถพัฒนา นำไปใช้ได้กับทุกพื้นที่
ประโยชน์ที่จะได้รับ
ลดพื้นที่ในการจัดเก็บสินค้า, ลดพื้นที่ในการขนถ่ายสินค้า, เพิ่มปริมาณการจัดเก็บสินค้า,
เพิ่มประสิทธิภาพในการเบิกจ่ายสินค้า, ทำงานรวดเร็ว แม่นยำ, บริหารทรัพยากรบุคคล, ประหยัดพลังงานไฟฟ้า

ระบบ AS/RS แบ่งออกเป็นแบบต่าง ๆ ดังนี้
- Unit Load AS/RS
- Miniload AS/RS
- Man-on-Board AS/RS หรือ Manaboard AS/RS
- Automated Item Retrieval System
- Deep-Lane AS/RS

         องค์ประกอบพื้นฐานของระบบ AS/RS
1.      โครงสร้างที่เก็บวัสดุ (Storage Structure)
2.      เครื่อง S/R (Storage/Retrieval Machine)
3.      หน่วยของการเก็บวัสดุ (Storage Module)
4.      สถานีหยิบและฝากวัสดุ (Pickup and Deposit Station)
อุปกรณ์พิเศษของระบบ AS/RS
1.      รถเคลื่อนย้ายช่องทางขนส่งวัสดุ (Aisle Transfer Car)
2.      อุปกรณ์ตรวจสอบถังบรรจุวัสดุว่างเปล่า/เต็ม
3.      สถานีวัดขนาดโหลด (Sizing Station)
4.      สถานีบ่งชี้โหลด (Load Identification Station)
การประยุกต์ใช้ระบบ AS/RS
การแยกใช้งานของระบบ AS/RS ออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
1.      จัดเก็บและเรียกคืน Unit Load
2.      หยิบวัสดุตามสั่ง (Order picking)
3.      ระบบจัดเก็บวัสดุระหว่างกระบวนการ
การจัดเก็บวัสดุระหว่างกระบวนการ
1.      ใช้เก็บชุดของชิ้นงานประกอบ
2.      สนับสนุนการผลิตแบบ JIT
3.      ใช้เป็นบัฟเฟอร์สำหรับจัดเก็บวัสดุ
4.      สามารถใช้งานร่วมกันกับระบบบ่งชี้ชิ้นงานแบบอัตโนมัติ
5.      ทำให้เกิดการควบคุมและการติดตามวัสดุอย่างมีประสิทธิภาพ
6.      สนับสนุนการทำให้เกิดการทำงานแบบอัตโนมัติทั้งโรงงาน


ระบบการจัดเก็บสินค้าและเรียกคืนสินค้าอัตโนมัติ Automated Storage/Retrieval System (AS/RS)
คือ ระบบบริหาร การจัดเก็บสินค้า เก็บวัตถุอัตโนมัติ เหมาะกับบริษัทที่ต้องการลดการใช้งานพื้นที่ หรือต้องการเพิ่ม 
 ปริมาณในการจัดเก็บมากขึ้น เช่น คลังสินค้า, โกดังสินค้า, อาคารจอดรถอัตโนมัต, ห้องเก็บสมุดอัตโนมัติ เป็นต้น

ระบบ ASRS จะมีการทำงานควบคู่อัตโนมัติอย่างเป็นระบบอยู่ 2 ส่วน คือ ฮาร์ดแวร์ ใช้เทคโนโลยีโรบอทอัตโนมัติ
กับซอร์ฟแวร์ที่ สามารถพัฒนา นำไปใช้ได้กับทุกพื้นที่

KERRY LOGISTICS (THAILAND) LIMITED





 สายพานลำเลียง  Belt Conveyor 
       คือ ระบบสายพานลำเลียงที่ใช้สายพานเป็นวัสดุประเภท PVC, PU หรืออาจเป็นวัสดุอื่นๆ ที่เป็นฟู้ดเกรด (Food Grade) เมื่อใช้กับอาหาร, สายพานประเภทนี้จะเป็นที่นิยมใช้งานโดยทั่วไป เนื่องจากใช้ลำเลียงวัตถุได้หลากหลายประเภท รวมทั้งอาหาร พื้นผิวของสายพานจะมีทั้งแบบผิวเรียบ ผิวไม่เรียบ และแบบที่ติดโปรไฟล์กั้นเป็นบล็อคๆ สามารถใช้ลำเลียงได้ทั้งในแนวระนาบ และลาดชัน  
    ระบบโซ่ลำเลียง
       
ชุดสายพานโซ่มักจะใช้ขนถ่ายวัสดุที่เป็นก้อน หรือชิ้น ห่อ ส่งได้ทั้งในแนวระนาบและแนวลาดที่รับแรงกระแทกจากโหลดวัสดุได้ดี ใช้งานได้ดีโดยไม่ต้องตรวจตราบ่อย สามารถส่งชันขึ้นได้มากกว่าระบบโซ่แขวนใช้มากกับงานขนถ่ายที่ขนติดต่อกันเรื่อยไปอย่างสม่ำเสมอ ไม่เหมาะกับการขนถ่ายวัสดุปริมาณมวล 
     - สายพานข้อโซ่ (Chain Link Conveyor)
     - สายพานแผ่นโซ่ (Chain Plate Conveyor)
     - สายพานรางกวาด (Chain Flight Conveyor)
     - ระบบโซ่แขวนลำเลียง (Overhead Chain Conveyor)


ระบบสายพานลำเลียง 
     ระบบสายพานลำเลียง ใช้สำหรับขนถ่ายวัสดุปริมาณมวล และวัสดุก้อนโต หรือหีบห่อ ทั้งในแนวราบและแนวลาดเอียง สร้างได้หลายลักษณะ คือ แบบติดตาย-เคลื่อนย้ายที่ได้ หรือสายพานแบบราบ-สายพานแบบแอ่ง มีขีดความสามารถสูง ระยะทางขนถ่ายได้ไกล สร้างได้ง่าย ไม่ต้องการงานบำรุงรักษามากนัก ความสึกหรอต่ำและใช้กำลังขับค่อนข้างต่ำ ข้อจำกัดที่สำคัญได้แก่ความชันลาดขึ้นของสายพาน หากจะต้องขนถ่ายที่ความชันราบถึง 45 องศา จะต้องสร้างผิวสายพานให้มีแผ่นกั้นวัสดุไหล และไม่ควรใช้ขนถ่ายวัสดุที่กำลังร้อน



        ระบบสายพานลำเลียงแบบแผ่นระนาด เป็นระบบที่สามารถรองรับชิ้นงานที่มีน้ำหนักมากและมีจำนวนมาก รวมถึงระบบนี้ยังมีความทนทานสูง เนื่องจากแผ่นระนาดทำด้วยวัสดุอย่างดี และตัวโครงสร้างก็ทำจากเหล็กคุณภาพสูง ทำให้ไม่ต้องเสียค่าใข้จ่ายในการซ่อมบำรุงบ่อยๆ



ระบบสายพานลำเลียง   Daifuku สามารถออกแบบการจัดเรียงได้หลายรูปแบบเพื่อให้เหมาะกับตำแหน่งของการจัดส่งและการผลิต ซึ่งจำนวนและปริมาณจะมีขนาดเล็กลงเพื่อสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายและซับซ้อน ผลิตภัณธ์ของเราไม่ได้พัฒนาเพียงแค่ประสิทธิภาพอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีบริการจัดส่งที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพว่าสินค้าจะไม่ได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ เรายังมีระบบขนส่งที่ตรงตามความต้องการให้อุปกรณ์กึ่งตัวนำมีขนาดเล็กลงและความต้องการแผ่นกระจกที่ใสบริสุทธิ์ ระบบอัตโนมัติสำหรับโรงงานผลิตรถยนต์ในทุก ๆ กระบวนการและระบบสายพานสำหรับการขนถ่ายกระเป๋าสัมภาระที่สนามบิน Daifuku มุ่นมั่นที่จะปรับปรุงโลจิสติกส์ให้ดียิ่งขึ้นโดยการลดระยะเวลาและต้นทุน เราพร้อมนำเสนอสายพานหลากหลายประเภทได้แก่ สายพานโซ่สำหรับสินค้าที่มีน้ำหนักมาก สายพานแบบล้อหมุนสำหรับกล่อง สายพานสำหรับการรวบรวมและ สายพานลำเลียงแบบเอียง ผลิตภัณธ์ของเราสามารถปรับให้เหมาะสมกับลักษณะเฉพาะตัวและความต้องการการติดตั้งตามการทำงานของลูกค้าได้อย่างลงตัว สายพานส่วนต่าง ๆ จะประกอบรวมกันเป็นระบบขนส่งที่ดีที่สุดโดยการผสานรวมกันระหว่างการจัดเก็บแบบอัตโนมัติและอุปกรณ์ทำงานภายในระบบ เช่น อุปกรณ์สำหรับการคัดแยกและหยิบจับ

AGV
AGV  คือ  รถขนส่งเคลื่อนที่อัตโนมัติ AGV มีหลายชนิดให้เลือกตามความเหมาะสมของการใช้งานตั้งแต่ การใช้งานแบบลากจูง container ,แบบยก container จนถึงแบบรถยก (Forklift) ในลักษณะต่างๆ โดยมีระบบควบคุมเส้นทางและนำทางการขับเคลื่อน (The Vihicle Navigation & Guidance System) ด้วยการเหนี่ยวนำของสนามแม่เหล็กที่ฝังอยู่ในพื้นผิวทางเดินรถ AGV หรือแบบควบคุมโดยการ ตรวจจับด้วยแสงเลเซอร์เพื่อให้รถ AGV สามารถเคลื่อนที่ไปตามเส้นทางที่กำหนดได้
รถ AGV แต่ละชนิดรับน้ำหนักได้ต่างกันตั้งแต่ 400-1,200 กิโลกรัม หรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับการใช้งานแต่ละประเภท โดยมีความเร็วในการขับเคลื่อน 1.2-1.7 เมตร ต่อวินาที
     
รถ AGV ทุกคันจะติดตั้งระบบเลเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวที่ประกันได้ว่ามีระดับความปลอดภัยสูงสุด โดยติดตั้งทั้งด้านหน้าและหลังของตัวรถ และแบ่งการเตือนภัยออกเป็น 2 พื้นที่ คือ พื้นที่เตือนภัย( Warning Area)และพื้นที่หยุด (Stopping Area) กล่าวคือ ถ้ามีบุคคลเดินเข้าในเขตพื้นที่เตือนภัย รถ AGV จะลดความเร็วลงจากความเร็วสูงสุด (Maximum Speed) เป็นลักษณะแบบเคลื่อนที่ช้า (Crawling Speed) และถ้าตรวจจับได้ในพื้นที่หยุด รถ AGV จะหยุดทันที โดยระยะทางของพื้นที่เตือนและพื้นที่หยุด จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับระดับความเร็วของรถ AGV  ทั้งนี้แบตเตอรี่ที่ใช้เป็นแบบ Maintenace Free สามารถใช้งานได้ติดต่อกันแบบต่อเนื่องนานถึง 8-10 ชั่วโมง โดยไม่ต้องนำแบตเตอรี่ออกจากตัวรถ

 ประโยนช์ของรถ AGV 
รถ AGV power stacker 1 คัน สามารถขับเคลื่อนโดยไม่ต้องใช้พนักงานขับ จะสามารถประหยัด 
ค่าแรงคนงาน ได้ดังนี้ (ประมาณการที่ค่าแรงขั้นต่ำ300บาท และค่าสวัสดิการอื่นๆ)
ถ้าใช้งานAGV 1 กะ:วัน (8ชม.) ลดค่าใช้จ่ายแรงคนงาน 1 คน = 10,000 ฿:เดือน หรือ = 120,000฿:ปี 
ถ้าใช้งานAGV 2 กะ:วัน (16ชม.)ลดค่าใช้จ่ายแรงคนงาน 2 คน = 20,000 ฿:เดือน หรือ = 240,000฿:ปี 
ถ้าใช้งานAGV 3 กะ:วัน (24ชม.) ลดค่าใช้จ่ายแรงคนงาน 3 คน = 30,000 ฿:เดือน หรือ = 360,000฿:ปี  
ในการลงทุนปรับปรุงรถยกให้เป็นรถ AGV ประมาณเบื้องต้นว่า มีค่าใช้จ่ายราว 300,000 ฿ ต่อคัน จะสามารถคืนทุนในเวลา 
2ปี 6 เดือน ถ้าใช้งาน 1 กะ:วัน
1ปี 3 เดือน ถ้าใช้งาน 2 กะ:วัน 
เพียง 10 เดือน ถ้าใช้งาน 3 กะ:วัน 
ซึ่งถ้าลงทุนใช้รถ AGV หลายคันทางบริษัทก็จะสามารถลดค่าใช้จ่ายได้อีกเป็นอัตราเพิ่มขึ้นใน กรณีศึกษา ที่มีการใช้คนงาน 6 คน และ รถ Power stacker 3 คัน  หากมีการใช้ AGV power stacker แทน และใช้งานถึง 3 กะ ปริมาณงานที่ได้จาก รถAGV ก็จะเท่ากับ ปริมาณงานของคนงานถึง 9 คน นั่นคือผลกำไรที่ได้คืนมา ประมาณ 90,000 บาทต่อเดือน หรือ 1,080,000 บาทต่อปี  

เพิ่มประสิทธิภาพและปริมาณการทำงาน 
รถAGV เริ่มงานได้ตรงเวลา ตั้งแต่ 8 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็นโดยไม่ต้องหยุดพัก เข้าห้องน้ำ ทานกาแฟ สูบบุหรี่ หรือ คุยโทรศัพท์ รถAGV ไม่ลาหยุด หรือ ลากิจ ไม่ขาดงานบ่อย งานจะเดินได้สม่ำเสมอ กรณี รถเสียทางบริษัทมีบริการ Service online เป็นบริการที่รวดเร็ว และมีค่าใช้จ่ายน้อย หรือถ้าต้อง มีการ service onsite เราก็สามารถบริการได้รวดเร็ว
เพราะเป็นช่างในเมืองไทย ไม่ต้องรอจากต่างประเทศ ความคุ้มทุนจึงเกิดจากปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นด้วย

ลดต้นทุนแฝงด้านความเสียหายที่เกิดจากคนขับ
      ความผิดพลาดจากมนุษย์เป็นเรื่องปรกติ การขับเฉี่ยว ชน เกิดขึ้นจากความประมาท เลินเล่อ ซึ่งจะไม่เกิดขึ้นกับรถAGV เป็นการลดความเสียหายของสินค้าและตัวรถยกเองก็มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น การลงทุนด้าน Automation จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มในระยะยาว ช่วยลดต้นทุนความเสียหาย โดยการควบคุมด้วยโปรแกรมอัตโนมัติ และ อุปกรณ์ป้องกันการเฉี่ยวชนความคุ้มทุนจะมาอยู่ที่ประสิทธิภาพการทำงานที่ ปราศจากอุบัติเหตุ ลดค่าใช้จ่ายการซ่อมแซม

เพิ่มภาพลักษณ์ที่ทันสมัยให้แก่บริษัท
       เป็น ผลดี ด้านจิตวิทยา ทำให้บริษัทก้าวทันยุค เทียบเท่ากับบริษัทระดับโลก ซึ่งใช้ระบบAutomation  มานานนับทศวรรษแล้ว ในการติดต่อกับลูกค้า โดยเฉพาะบริษัททีมีการติดต่อกับต่างประเทศเจ้าของกิจการจะรู้สึกได้เองว่า คุ้ม ที่ได้ปรับปรุงกิจการให้ทันสมัยขึ้นการ คำนวนนี้ เป็นเพียงการประมาณการ  นักธุรกิจ หรือ นักบริหารที่เปรื่องปราชญ์ อาจจะมองความคุ้มทุนในด้าน automation ได้มากกว่าผุู้เขียนบทความก็เป็นได้


วันเสาร์, ตุลาคม 05, 2562

หุ่นยนต์ AI เพื่อการเกษตร กสิกรรมยุคใหม่ในปัจจุบันและอนาคต

หุ่นยนต์ AI เพื่อการเกษตร กำลังเร่งพัฒนาการอย่างกว้างขวางเพื่อตอบโจทย์ ในการลดค่าใช้จ่าย เพิ่มผลผลิต ลดการสูญเสียปัจจัยการผลิต ค่าแรงแพง เพื่อให้เป็นต่อในการแข่งขันในอุตสหกรรมการเกษตร ส่วนเกษตรกรรายย่อยการลงทุนวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านนี้คงเกินกำลังไปเยอะ แม้แต่จะซื้อมาใช้ก็เกินกำลังไปมาก แต่การเรียนรู้ไว้เพื่อให้รู้จักคู่แข่งก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร
หุ่นยนต์ AI เพื่อการเกษตร เป็นการนำเอา เทคโนโลยี AI รวมกันเข้ากับเทคโนโลยีหุ่นยนต์เพื่อนำมาใช้งานในอุตสาหกรรมเกษตร ปัจจุบันได้พัฒนานำไปใช้ในหลากหลายกิจกรรมทางการเกษตรเช่น การสำรวจข้อมูลสภาพแวดล้อมทางการเกษตรโดยใช้โดรน (อากาศยานไร้คนขับ) การใช้เพื่อการกำจัดวัชพืชที่แม่นยำขึ้น การใช้เพื่อการเก็บเกี่ยวผลผลิต การใช้เพื่อการเพาะปลูกและอนุบาลต้นกล้า เป็นต้น
อย่างไรก็ตามการใช้หุ่นยนต์ AI ในอุตสาหกรรมเกษตรยังมีคำถามอีกหลายๆคำถามจากบริษัททางการเกษตรชั้นนำ เช่น มันมีหุ่นยนต์ AI เพื่อการเกษตรแบบไหนบ้างใช้กับอะไรบ้าง เมื่อใช้เทคโนโลยีนี้แล้วมันจะได้เปรียบต่อคู่แข่งอย่างไร แล้วในอนาคตอุตสาหกรรม หุ่นยนต์ AI เพื่อการเกษตรจะไปทิศทางไหนใน 10 ปีข้างหน้า คำถามเหล่านี้ล้วนต้องการคำตอบ เราขอยกตัวอย่างการพัฒนา หุ่นยนต์ AI เพื่ออุตสหกรรมเกษตรเพื่อเป็นแนวทาง

หุ่นยนต์ AI เพื่อการเกษตร ที่มีใช้กันอยู่ในปัจจุบัน

เทคโนโลยีควบคุมวัชพืช โดย Blue River Technology – weed control
การต้านทานต่อสารเคมีกำจัดวัชพืช เป็นเรื่องที่เกษตรกรกังวลเป็นอย่างมาก การใช้สารเคมีเพิ่มมากขึ้นก็ยิ่งสร้างความต้านทานต่อสารกำจัดวัชพืชเพิ่มากขึ้นยิ่งต้องทำให้มีการเพิ่มการใช้สารเคมีเข้าไปอีก จากการศึกษาวิจัยปีหนึ่งๆเกษตรกรชาวสหรัฐอเมริกาต้องสูญเสียไปกับสารเคมีกำจัดวัชพืชถึง 43,000 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นเงินปริมาณมากมายมหาศาล
เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของเกษตรกรที่ต้องต่อสู้กับวัชพืชมาอย่างยาวนาน Blue River Technology จึงได้พัฒนาหุ่นยนต์ฉีดพ่นสารเคมีกำจัดวัชพืชชื่อว่า The See & Spray robot  เพื่อแก้ปัญหาการต้านทานสารเคมีของวัชพืช โดยอ้างว่าเครื่องพ่นสารเคมีกำจัดวัชพืชนี้ พ่นได้ตรงวัชพืช ไม่มีการกระจายไปสู่พืชอื่นๆ ลดปัญหาการใช้และการกระจายตัวของสารเคมีในปี 2017 บริษัทยักษ์ใหญ่เกี่ยวเกษตรกรรมได้ซื้อบริษัท Blue River Technology ไปด้วยเงิน 305 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา

หุ่นยนต์ AI เพื่อการเกษตร ที่พัฒนานำมาประยุกต์ใช้ในอนาคต

Vision Robotics หุ่นยนต์สำหรับเพาะพันธุ์และปลูกพืช
Vision Robotics เทคโนโลยี เป็นการรวมอัลกอรึทึมและเซ็นเซอร์เทคโนโลยีเข้าด้วยกันเพื่อนำไปใช้ในแปลงผักกาดและไร่องุ่นแบบอัตโนมัต โดยให้หุ่นยนต์สร้างแบบจำลองและแผนที่ 3 มิติของพื้นที่เป้าหมาย เพื่อให้หุ่นยนต์สามารถเข้าปฏิบัติงานตามคำสั่งหรือพารามิเตอร์ที่กำหนดไว้ได้
ขณะนี้ Vision Robotics กำลังหาผู้ร่วมพัฒนาและต่อยอดเทคโนโลยี ผู้ใดสนในสามารถติดต่อได้ที่เวปไซต์ของเขา Vision
หุ่นยนต์ AI สำหรับเก็บผลไม้
หุ่นยนต์เก็บสตอร์เบอร์รี่
ปี 2013 บริษัท Shibiya Seiki ของญี่ปุ่นได้ประดิษฐ์หุ่นยนต์เก็บสตอร์เบอร์รี่ ราคา 50,000  USD จากรายงานพบว่าหุ่นยนต์ตัวนี้สามารถเก็บสตอร์เบอร์รี่ได้จริงในทางปฏิบัติ แต่ความสามารถของมันยังไม่สามารถทำได้ในเชิงพานิชย์ เมื่อเทียบกับคนแล้วประสิทธิภาพยังคงห่างไกลมากนัก
การใช้หุ่นยนต์นี้ยังต้องมีความจำเป็นต้องจัดแต่งโรงเรือนปลูกสตอร์เบอร์รี่ให้เหมาะสมกับการใช้หุ่นยนต์ เช่นระยะห่างของต้น การห้อยและย้อยลงมาของลูกสตอร์เบอร์รี่ ซึ่งทั้งหมดต้องพอเหมาะกับการเคลื่อนไหวและทำงานของหุ่นยนต์ หมายความว่าคุณต้องมีโรงเรือนที่ทำไว้สำหรับหุ่นยนต์ไม่ใช่สำหรับคน
หุ่นยนต์ได้ถูกพัฒนาด้วยความร่วมมือขององค์การวิจัยการเกษตรกรรมอาหารแห่งชาติของญี่ปุ่น ที่มุ่งหวังว่าจะทำเป็นฟาร์มอัตโนมัตเต็มรูปแบบ
บริษัทวิจัยและพัฒนาได้พัฒนา  Octinion หุ่นยนต์สำหรับเก็บสตอร์เบอร์รี่ ซึ่งมีกำหนดการเปิดตัวในปีนี้ 2018 เมื่อเทียบกันกับหุ่นยนต์ของญี่ปุ่นแล้ว หุ่นยนต์ตัวนี้เน้นในเรื่องความสามารถของหุ่นยนต์ในเรื่องป้องกันการเสียของพืชผลมากกว่า เหมือนกับหุ่นยนต์ของญี่ปุ่น Octinion ก็จำเป็นที่จะต้องมีโรงเรือนหรือแปลงปลูกสตอร์เบอร์รี่ที่ได้ออกแบบมาสำหรับใช้กับหุ่นยนต์โดยเฉพาะ
ทางเวบไซท์ของ Octinion ได้อ้างว่าหุ่นยนต์ของเขาใช้คอมพิวเตอร์ 3D คำนวณการมองเห็นและเลือกเอาเฉพาะ สตอร์เบอร์รี่ที่มีผลสุกแล้วเท่านั้น แม่นยำประมาณ 70% และยังไม่ทำความบอบช้ำให้สตอร์เบอร์รี่อีกด้วย
ทาง Octinion ยังอ้างรายงานว่าแรงงานมนุษย์สามารถเก็บสตอร์เบอร์รี่ได้ประมาณ 16 กิโลกรัมต่อชั่วโมง ซึ่งเฉลี่ยประมาณ 4 วินาทีต่อ 1 ลูก เมื่อเทียบกับหุ่นยนต์ Octinion ซึ่งใช้เวลาประมาณ 3 วินาทีต่อ 1 ลูก ซึ่งใกล้เคียงกับมนุษย์